ประกาศโดยการทวีคูณคริสตจักร ตอนที่ 1 คริสตจักรต้องทวีคูณ

รายงานสถิติที่น่าสนใจซึ่งปรากฎในผลงานวิจัยของสถาบันพระคริสตธรรมฟูลเลอร์ (Fuller Theological Seminary)ระบุว่า  คริสตจักรที่ตั้งมานานเกิน 10 ปีขึ้นไป  ต้องใช้คน 85 คนเพื่อนำ 1 คนมาถึงความรอด   คริสตจักรที่ตั้งมานาน 4-7 ปี  ต้องใช้คน 7 คน เพื่อนำ 1 คนมาถึงความรอด   และคริสตจักรที่ตั้งมานาน 4 ปี  ต้องใช้คน 3 คน เพื่อนำ 1 คนมาถึงความรอด [1]

สถิติดังกล่าวชี้ให้เห็นว่าคริสตจักรที่ตั้งขึ้นใหม่จะใช้คนจำนวนน้อยกว่าเพื่อนำคนใหม่ๆ มาพบพระคุณความรักของพระเจ้า   ดังนั้น การบุกเบิกเพื่อเริ่มตั้งคริสตจักรแห่งใหม่ซึ่งเป็นการทวีคูณคริสตจักรจึงเป็นวิธีการประกาศที่มีประสิทธิผลยิ่ง  เพราะที่ใดที่มีการทวีคูณคริสตจักร ที่นั่นก็จะมีศักยภาพสูงในการเจริญเติบโต  บรรยากาศในคริสตจักรจะเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น และสมาชิกจะมีส่วนร่วมในการรับใช้และการประกาศพระกิตติคุณ

เมื่อกล่าวถึงการทวีคูณคริสตจักร  บางคนอาจเข้าใจว่าเป็นการตั้งคริสตจักรแห่งใหม่ในรูปแบบประเพณีนิยมหรือรูปลักษณ์ที่มักคุ้นชิน  คือมีสถานที่เจาะจง ขึ้นป้ายคริสตจักรอย่างชัดเจน และมีเวลาประชุมนมัสการที่แน่นอน   แต่สำหรับแนวคิดเรื่องการทวีคูณคริสตจักรที่กล่าวถึงนี้ คือ การทวีคูณชุมชนผู้เชื่อในรูปแบบหลากหลายที่เหมาะสมกับบริบทท้องถิ่นนั้นๆ   และเหมาะสมกับกลุ่มคนที่เฉพาะเจาะจง   

การทวีคูณคริสตจักรจึงอาจเป็นการตั้งคริสตจักรโดยมีตัวอาคารที่ชัดเจนในพื้นที่ใหม่  หรืออาจเป็นการบุกเบิกกลุ่มคนใหม่   หรืออาจเป็นการขยายกลุ่มผู้เชื่อในพื้นที่เดิมผ่านรูปแบบที่หลากหลาย เช่น การขยายกลุ่มเซลล์  การประชุมนมัสการตามบ้านและตามสถานที่ต่างๆ เป็นต้น  ด้วยเหตุนี้ คริสเตียนทุกคนและคริสตจักรทุกแห่งไม่ว่าจะขนาดเล็กหรือใหญ่ก็สามารถมีส่วนร่วมในการทวีคูณคริสตจักรได้

ในพระธรรมมัทธิวบทที่ 16 ข้อ 18-19 กล่าวว่า “ฝ่ายเราบอกท่านว่าท่านคือเปโตร และบนศิลานี้  เราจะสร้างคริสตจักรของเราไว้และพลังแห่งความตายจะมีชัยต่อคริสตจักรนั้นหามิได้   เราจะมอบลูกกุญแจแผ่นดินสวรรค์ให้ไว้แก่ท่าน  ท่านจะกล่าวห้ามสิ่งใดในโลก  สิ่งนั้นก็จะถูกกล่าวห้ามในสวรรค์ เมื่อท่านจะกล่าวอนุญาตสิ่งใดในโลก  สิ่งนั้นจะกล่าวอนุญาตในสวรรค์ด้วย”

พระเยซูคริสต์ทรงเป็นผู้ตั้งคริสตจักรซึ่งเป็นชุมชนของผู้ที่เชื่อศรัทธาในพระองค์  และทรงมอบสิทธิอำนาจให้แก่คริสตจักรเพื่อเป็นผู้ทำการแทนพระองค์ในโลกนี้   ชุมชนผู้เชื่อในคริสตจักรสมัยแรกได้เชื่อฟังพระมหาบัญชาของพระเยซูคริสต์และกระทำพันธกิจตามที่ได้รับมอบหมายด้วยความกระตือรือร้น   แม้ในขณะที่ต้องเผชิญการกดขี่ข่มเหง  ผู้เชื่อยังประกาศด้วยใจกล้าหาญและด้วยความชื่นชมยินดี   พวกเขาแบ่งปันความเชื่อศรัทธาในพระเยซูคริสต์อย่างเป็นธรรมชาติ  ชักชวนกันไปร่วมสามัคคีธรรมตามบ้านเรือน   รวมตัวกันในพระวิหารเพื่อสรรเสริญพระเจ้า   ทำให้เกิดการทวีคูณชุมชนผู้เชื่อขึ้นจนแผ่ขยายข้ามเมืองและข้ามทวีป

ชุมชนผู้เชื่อมีความเข้มแข็งและสามารถส่งผ่านความเชื่อศรัทธามานานนับสองพันกว่าปีจวบจนถึงปัจจุบัน   เมื่อผู้เชื่อรวมตัวกันเป็นชุมชนคริสตจักรไม่ว่าในแห่งหนตำบลใด   ที่นั่นจะเกิดการทวีคูณได้โดยไม่สิ้นสุดเมื่อผู้เชื่อร่วมกันกระทำตามพระมหาบัญชาและพึ่งพาพระเจ้า


[1]   Larry Kreider and Floyd McClung.  Starting a House Church. Ventura, CA: Regal Books, 2007, p.30-31

รังสรรค์ สุกันทา (2012)   สนุกกับการประกาศ. กรุงเทพฯ : ครีเอชั่นบุ๊คแอนด์มีเดียพับลิชชิ่ง

เกี่ยวกับ creationpublishing

ครีเอชั่นบุ๊คแอนด์มีเดียพับลิชชิ่ง (Creation Book and Media Publishing)
ข้อความนี้ถูกเขียนใน การรับใช้ คั่นหน้า ลิงก์ถาวร

ใส่ความเห็น